LABTEST ของเราวันนี้ ได้รับเกียรติจาก Canon Marketing ประเทศไทย ในการให้ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ
เครื่อง Large Format Printer ในตระกูล IPF
     
      สมัยก่อนสถาปนิก นักออกแบบ วิศวกร และช่างเขียนแบบ มักจะทำการออกแบบ เขียนแบบด้วยมือ ต่อมาประมาณ 20 ปี ก่อน ทั้งวงการก็ต้องตะลึง เพราะคอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทสูงขึ้น ตลอดจน ค่าย Autodesk เริ่มเปิดตัวโปรแกรม เขียนแบบ Autocad โดยในประเทศไทย โปรแกรม Autocad เริ่มนำเข้ามาใช้งานจริงๆจังๆ ใน Release 10 รันอยู่บนคอส ช่างเขียนแบบชาวไทยนิยม เขียนแบบด้วย AutoCad กันมากขึ้นโดยในยุกแรกๆ เราเขียนแบบแล้ว Plot ออกมาโดยใช้เครื่องพล๊อตแบบกระดาน
ใส่ปากกาเป็นตัววาด บางคนก็ใส่ปากกาหัว Rotring ลงไปเพื่อใช้สำหรับวาดลงบนกระดาษไข
     
      แต่เราๆก็รู้กันอยู่ว่าการวาด้วยปากกา Rotring นั้น มักจะมีปัญหาเครื่องหัวตันโดยเฉพาะกับ ปากกาเส้นเล็กอย่าง 0.1,0.2 ซึ่วงค่อข้างจำเป็นสำหรับงานเขียนแบบที่มีขนาดเล็กๆ

    ระยะเวลาผ่านไปหลายปี ทาง Canon ในประเทศญี่ปุ่นได้คิดค้นระบบพิมพ์แบบ  Inkjet เป็นรายแรกๆของโลก และจดสิทธิบัตรในนาม Bubble Jet แต่มุ่งเน้นใช้กับเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก เช่น A4, A3 เป็นต้น ต่อมาทาง Hewlet Packard หรือ HP ก็ได้ขยายศักยภาพจากเครื่องแบบ Pen Plotter กลายมาเป็น เครื่อง Inkjet รุ่นแรกๆ เราเรียนมันว่า  HP Desianet ออกมาหลายรุ่นมาก และเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้ชาวไทย เป็นอย่างมาก

     ภายหลังทาง Canon  เองซึ่งเป็นผู้คิดค้นระบบการพิมพ์แบบ Bubble Jet เองก็ได้หันกลับมาทำตลาด Large Format Plotter อย่างจริงจัง โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Image Prograf" หรือเรียกเป็นรหัสว่า "IPF" ซึ่งชู  Concept ว่าเป็นได้ทั้งเครื่องพิมพ์ภาพสีและพิมพ์แบบแปลนในเครื่องเดียวกัน

     แรกๆผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อว่า  มันจะดีกว่าเครื่องในตระกูล HP Design Jet อย่างไร เพราะเพื่อนๆในวงการต่าง ติดหนึบกับ กับ HP มาจนชินหู

     จนกระทั่งวันนี้ผมได้ทดสอบเครื่องพิมพ์ รุ่นหนึ่งที่มีราคาไม่แพงเลย (ประมาณแสนกว่าบาท) กับเครื่องพิมพ์ IPF710 หน้ากว้าง 36 นิ้วซึ่งสามารถพิมพ์งานได้สูงถึง Size A0 และยาวได้หลายสิบเมตรหลังจากทดสอบงานพิมพ์ ลงกระดาษบาง และกระดาษไขแล้ว พบว่ามันใช้เวลาในการพิมพ์งาน Size A0 เพียง 55 วินาทีเร็วจน ผมต้องตกใจเลย ว่านี้คือเครื่องพิมพ์ Inkjet เพราะก่อนหน้านี้ ผมใช้เครื่องอื่นๆในการพิมพ์ใช้เวลา หลายนาที บางรุ่นต้องหลายสิบนาที แถมผลงานที่ได้มานั้น ก็มีคุณภาพสูงมากถึงระดับ
ความละเอียดที่ 2400 x 1200 DPI เส้น Grid Lind ที่มีขนาดบางแค่ 0.1 มม. ยังออกมาคมชัด    
แต่พิดได้อ่าน สเป็ก พบว่ามันสามารถพิมพ์เส้น เล็กกว่า 0.1ได้ถึง 5 เท่า คือ0.02 มม. (อะไรจะเล็กปานนั้น) 

   
    นอกจากนั่น ทาง Canon เอง ยังเตรียม Driver สำหรับ Autocad เอง ซึ่งเราเรียกว่า "HDI Driver" ซึ่งช่วยให้งานพิมพ์จาก Cad มีคุณภาพสูงมากขึ้นอีก ผมลองทดสอบพิมพ์แค่  33 วินาที เหตุผลที่ทำได้เพราะมันมีท่อ สำหรับตลับดำ 2 แถว ทำให้พิมพ์เร็วกว่าโหมดปกติถึง 2 เท่า หรือเปรียบเทียบกับเครื่องพิมพ์ Inkjet ขนาดใหญ่ อื่นๆ ไม่ได้เลย เร็วกว่ามากทีเดียว
   
    ด้วยความสงสัยผมจึงทำการคำนวณค่าหมึกดูโดยทดสอบพิมพ์ภาพ 4 สี ลงไป ในโหมดคุณภาพสูง ปรากฏว่าใช้หมึกไป 5 ml. โดยปกติ หากพิมพ์โหมดกระดาษไข หรือ ดาษบาง เป็นลักษณะลายเส้นเพื่องานเขียนแบบเราจะใช้หมึกประมาณไม่เกิน 5 % ของหมึกปกติ นั้นหมายถึงมันจะใช้หมึกต่ำกว่า 0.25 ml. ต่อ 1 ตารางเมตร หรือคิดเป็นเงินประมาณ 3 - 3.5 บาท ต่อแผ่น เท่านั้น

     ผมจึงลองเปรียนเทียบ งบประมาณในการพิมพ์ให้คุณดูว่าหากพิมพ์เอง กลับไปจ้างร้านพิมพ์มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย ดังนี้ กระดาษ+ค่าหมึก+ค่าเสื่อมหัวพ่น+อื่นๆ ไม่เกิน 8 บาท หากคุณพิมพ์เดือนละ 50 ใบ คุณเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 400 บาท แต่หากไปจ่ายร้าน Plot แบบ คุณต้องเสียใบละ 150 บาท ตกต่อครั้ง 150 x 50 ใบ เท่ากับ 7500 บาท คูณด้วย 1 ปี พบว่าคุณสามารถซื้อเครื่องพิพม์ Canon Size A1 ได้เลย แล้วยังนี้คุณจะจ่ายแพงกว่าอีกทำไม

     นอกจากนี้ Labtest ของเรายังพบอีกว่า เครื่องรุ่นนี้สามารถพิมพ์ภาพลงบนกระดาษหนาได้ถึง 1.5 มม.โดยตรงทำให้งาน Presentation ของคุณดูดีขึ้นมาเป็นกองเลย
     ในการทดสอบเบื้องต้น แล้วจึงมาสอบการพิมพ์ภาพทั้ง USB 2.0 และผ่านระบบ Network โดยการใส่ค่า IP ให้เครื่องก็จะมองเห็น Canon เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งเลยทีเดียว โดยไม่ต้องแชร์ผ่านระบบ Driver เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป หลังจากทอดสอบเสร็จแล้ว ก็ทำการตัดกระดาษออมาคมมากๆเลยทดลองแกะท่าตัดออกมาดูพบว่า มีใบตัด แบบ Rotary เป็นใบมีด แบบวงกลม ไม่เหมือนเครื่องที่ผมเคยใช้ที่เป็นใบคัทเตอร์ธรรมดาที่มีปัญหาในการตัดแล้วกตะกุยกระดาษขาดยุ่ย การพิมพ์แบบไร้ขอบ ทำได้ดีมาก นากจากนั้นยังมีระบบ ตรวจสอบกระดาษได้อย่างแม่นยำ และยังส่งค่ะของกระดาษที่ Detect ได้ มาเป็นค่าจริง บนหน้าจอ LCD  อีกด้วย
    สรุปผลการทดสอบ ผมประทับใจคุณภาพงานพิมพ์ทั้งงานขาวดำบนแบบแปลน และภาพสีสำหรับงาน Presentation ลงพิมพ์ลงบนกระดาษธรรม กระดาษไข กระดาา Photo หรือ แม้กระทั้งกระดาษ 100 ปอนด์ สำหรับวาดรูป ก็ยังสวยเลย ความเร็วไม่ต้องพูดถึง Canon IPF เร็วที่สุดก็ว่าได้ ส่วน ความประหยัดแล้วพบว่า หมึกแท้ของ Canon มีค่าต่อหน่วย ค่อนข้างถูก ประกอบกับเทคโนโลยีหยดหมึก ขนาด 4  พิโคลิตรทำให้คุณภาพงานออกมาละเอียด และประหยัดหมึกลงกว่าเครื่องพิมพ์ทั่วๆไป 20 -30  % เลยทีเดียว